สัปดาห์ที่15


1.    NPU MODEL ผศ.ดร.พิจิตรา ธงพานิช


2.   NPU MODEL นางสาวอสิตา  พรมเวหา




3. อธิบาย NPU MODEL
Need Analysis
การวิเคราะห์ความต้องการ (Need Analysis) ความต้องการ (Need) คือ ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เป็นอยู่กับสิ่งที่คาดหวังให้เป็นไป เช่น ความแตกต่างระหว่างผลงานที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลท าออกมากับมาตรฐานที่ก าหนด ความไม่เหมือนกันของ สิ่งที่บุคคลผู้หนึ่งมีกับสิ่งที่ผู้ต้องการอยากให้มี การวิเคราะห์ความต้องการจึงเป็นการหาให้พบว่า กลุ่มบุคคลเป้าหมายปฏิบัติงานได้ต่างกว่าระดับที่องค์การต้องการ (Gap) เพียงใด เป็นการวิเคราะห์ว่าบุคลากรกลุ่มเป้าหมาย ที่ศึกษานั้น ได้ปฏิบัติงานได้ถึงระดับที่องค์กรต้องการหรือไม่ ทั้งโดยชนิด ปริมาณงาน คุณภาพของงาน ความต้องการเหล่านี้สามารถใช้วิธีใดพัฒนาให้ดีขึ้นมาอยู่ในระดับที่องค์การต้องการ เช่น ด้วยการฝึกอบรมบุคลากร ที่เกี่ยวข้อง หรือด้านการพัฒนากระบวนการท างาน หรือด้วยการจัดหาอุปกรณ์เครื่องมือเพิ่มเติม หรือด้วยการ พัฒนาทางการบริหารอื่น ๆ สำหรับความต้องการขององค์การที่สามารถตอบสนองได้
ด้วยการจัดการฝึกอบรมให้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้อง เรียกว่า ความจ าเป็นในการฝึกอบรม (Training Needs) ซึ่งจะได้มาจากกระบวนการวิเคราะห์ความต้องการ ความจ าเป็นในการฝึกอบรมนี้เมื่อวิเคราะห์จากข้อมูลที่รวบรวมก็สามารถค้นหาเป้าหมายในการฝึกอบรม (Instructional Goals) ที่จะสนองความต้องการจากข้อมูลที่มีอยู่เพื่อประกอบการก าหนดแผนและหลักสูตรฝึกอบรม ให้แก่บุคลากรในองค์การที่เกี่ยวข้องต่อไป
Praxis
สมิธ (Smith, M.K. 1996) ได้ให้แนวคิดในการนิยาม “หลักสูตร” ตามทฤษฏีและการปฏิบัติหลักสูตร
มี 4 ทิศทางดังต่อไปนี้
1.หลักสูตรเป็นองค์ความรู้ที่จะส่งผ่านให้ผู้เรียน
2.หลักสูตรเป็นความพยายามที่จะช่วยให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์
3.หลักสูตรเป็นกระบวนการd
4.หลักสูตรเป็น Praxis หมายถึง การปฏิบัติของมนุษย์และความเข้าใจในการปฏิบัตินั้น
Understanding
ในการดำเนินชีวิตประจำวันเกี่ยวข้องกับการรู้ (to know) และการรับรู้ (perception) โดยมีประสาท
สัมผัสทั้งห้า และใจเป็นตัวรู้อารมณ์ และน าไปสู่ความรู้สึกและความเข้าใจ ดังนั้นการแสดงอาการความเข้าใจโดยการตอบรับด้วยอาการ ผยักหน้า หรือส่งเสียงบอกให้ทราบอย่างใด อย่างหนึ่ง ครับ คะ โอเค ในภาษาอังกฤษ ก็คือ yes , ok, I see , I get ที่กล่าวมาเป็นการรับรู้และเข้าใจ อาจจะมาจากค าถามว่า รู้เรื่องไหม เข้าใจไหม รู้หรือเปล่า ซึ่งบางครั้งมีความหมายไปในทางที่การรู้อย่างเดียวก็อาจไม่เข้าใจก็ได้เช่นรู้แต่ทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ ดังนั้นความเข้าใจจึงมีหลายระดับ I see อาจเป็นความเข้าใจที่ผิวเผิน กว่า I get ยังมีความเข้าใจที่น ามาใช้เป็นทางการมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ใช้ในการเรียนการสอน ได้แก่คำว่า comprehension กับคำว่า understanding เป็นค าที่มีความหมายเดียวกันแต่ค าว่า understand จะใช้ในภาษาพูดมากกว่า comphehension นั้นเป็นการสร้างความหมาย (construction of meaning) ในแง่นี้การสร้างความหมายของแต่ละคนก็อาจแตกต่างกันไปก็คือเข้าใจแตกต่างกันไปด้วยในแต่ละคน ส่วนคำว่า understanding เป็นความเข้าใจที่ต้องใช้ความรู้เดิมที่มีอยู่แล้วมาช่วยในการสร้างความรู้ใหม่ที่มีความหมายไปไกลกว่าสารสนเทศที่ให้มาหรือที่ได้รับมาและความรู้พื้นฐาน (ความรู้ที่มีอยู่เดิม) ซึ่งน ามาเป็นหลักฐานในการสร้างความรู้ใหม่มากกว่าที่จะดึงเอามาจากความจำประจำตั
Research-Based Learning (RBL)
นิยามของการจัดกำรศึกษาแบบRBL
            การเรียนรู้เป็นการจัดกิจกรรมหรือประสบการณ์เพื่อให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมที่พึ่งประสงค์กระบวนการเรียนรู้ประกอบด้วยการก าหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ การจัดกิจกรรมหรือประสบการณ์เรียนรู้การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียนในสถานศึกษาเกี่ยวข้องการทั้งกระบวนการเรียนและการสอน การเรียนนั้นเป็นบทบาทของผู้เรียนส่วนการสอนเป็นบทบาทของผู้สอน การเรียนรู้แบบ RBLเป็นการจัดการเรียนการสอนที่น า “การวิจัย” เข้ามาเป็นเครื่องมือของการจัดการเรียนการสอน
ลักษณะสำคัญของการจัดการศึกษาแบบ RBL
ลักษณะของการจัดการศึกษาแบบ RBL มีดังนี้ คือ
หลักการที่1. แนวคิดพื้นฐาน เปลี่ยนแนวคิดจากเรียนรู้โดยการฟัง/ตอบให้ถูก’ เป็น ‘การถาม/หา
คำตอบเอง
หลักการที่2. เป้าหมาย เปลี่ยนเป้าหมายจากการเรียนรู้โดยการจำ/ทำ/ใช้’ เป็นการคิด/ค้น/แสวงหา
หลักการที่3. วิธีสอน เปลี่ยนวิธีสอนจาก’ การเรียนรู้โดยการบรรยาย’ เป็น ‘การให้คำปรึกษา
หลักการที่4. บทบาทผู้สอน เปลี่ยนบทบาทผู้สอนจาก’ การเป็นผู้ปฏิบัติเอง’ เป็น ‘การจัดการให้ผู้เรียนปฏิบัติ

4. อธิบาย N P U
N = Planing
วางแผนเขียนเป็นปรัชญา / วิสัยทัศน์/พันธกิจ / จุดหมายของหลักสูตร / ส่วนนี้คือ creativity ที่เป็น planning
 วิจารณ์ พานิช  (2555)  กล่าวว่า ศตวรรษที่ 21 สถานการณ์โลกมีความแตกต่างจากศตวรรษที่ 20 และ 19 ระบบการศึกษา ต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะความเป็นจริง ในประเทศสหรัฐอเมริกาแนวคิดเรื่อง "ทักษะแห่งอนาคตใหม่ : การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21"ได้ถูกพัฒนาขึ้น หน่วยงานต่างๆ มีความกังวลและเห็นความจำเป็นที่เยาวชนจะต้องมีทักษะสำหรับการดำรงชีวิตในโลกแห่งศตวรรษที่21 ที่เปลี่ยนไปจากศตวรรษที่ 20 และ 19 โดยครูต้องเปลี่ยนเป้าหมายการเรียนรู้ของศิษย์ จากเน้นเรียนวิชาเพื่อได้ความรู้ ให้เลยไปสู่การพัฒนาทักษะที่สำคัญต่อชีวิตยุคใหม่ โดยการเรียนรู้ยุคใหม่ ต้องเรียนให้เกิดทักษะ เพื่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่21 โดยหน้าที่ของครูได้เปลี่ยนไป จากการเน้น "สอน" ไปทำหน้าที่จุดประกายความสนใจใฝ่รู้ โดยให้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ (learning by doing) จึงได้พัฒนาวิสัยทัศน์และกรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ขึ้น สามารถสรุปทักษะสำคัญ ที่เด็กและเยาวชนควรมี ซึ่งได้แก่ การเรียนรู้ 3R x 7C
 3R x 7C
ทักษะของคนในศตวรรษที่ ๒๑ ที่คนทุกคนต้องเรียนรู้ตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงมหาวิทยาลัย และตลอดชีวิต คือ 3R x 7C
3ได้แก่
Reading (อ่านออก)
(W)Riting (เขียนได้)
(A)Rithmetics (คิดเลขเป็น)
7ได้แก่
1. Critical thinking & problem solving (ทักษะด้านการคิด
อย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา)
2. Creativity & innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม)
3. Cross-cultural understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่าง
วัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์)
4. Collaboration, teamwork & leadership (ทักษะด้านความร่วมมือ
การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ)
5. Communications, information & media literacy (ทักษะด้าน
การสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ)
6. Computing & ICT literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสาร)
7. Career & learning skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้)
การเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ คือ การเรียนรู้ 3R x 7Cครูเพื่อศิษย์เองต้องเรียนรู้ 3R x 7และต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต แม้เกษียณอายุจากการเป็นครูประจำการไปแล้ว เพราะเป็นการเรียนรู้เพื่อชีวิตของตนเอง ระหว่างเป็นครูประจำการก็เรียนรู้สำหรับเป็นครูเพื่อศิษย์ และเพื่อการดำรงชีวิตของตนเอง
P = Generating
ออกแบบและจัดหลักสูตร (design & organize ) เขียนเป็นสาระในหลักสูตร วิชาบังคับ วิชาเลือก / ความรู้ ทักษะ สมรรถนะ เมื่อจบหลักสูตร / creativity = generating การทำให้หลักสูตรปรากฏ มีขึ้น / กรณีนี้อาจเขียนเป็น course syllabus
"สรุปหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551"

U = Producing ปฏิบัติ 
หลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี พุทธศักราช  ๒๕๕๑ ตามแนวทางหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน  พุทธศักราช ๒๕๕๑ โรงเรียนเทศบาลวัดศรีสมบูรณ์ กองการศึกษาเทศบาลเมืองปากพนัง  อำเภอปากพนังจังหวัดนครศรีธรรมราช กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกระทรวงมหาดไทย     
วิสัยทัศน์
วิสัยทัศน์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับท้องถิ่นเทศบาลเมืองปากพนัง
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับท้องถิ่นเทศบาลเมืองปากพนัง  มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้  คุณธรรม  มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข   มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาการประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ

วิสัยทัศน์หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาลวัดศรีสมบูรณ์
          หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาลวัดศรีสมบูรณ์  มุ่งพัฒนานักเรียนมีความรู้คู่คุณธรรม  ดำเนินชีวิตในสังคมอย่างมีความสุขภายใต้สุขภาพอนามัยที่ดี    มีทักษะพื้นฐานในการศึกษาต่อ  รักความเป็นไทย   ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข       เห็นคุณค่าของวัฒนธรรมประเพณี และภูมิปัญญาไทย

ภารกิจและเป้าหมายโรงเรียนเทศบาลวัดศรีสมบูรณ์ 
          ภารกิจ
               โรงเรียนเทศบาลวัดศรีสมบูรณ์  มุ่งพัฒนาการจัดการศึกษาตามวิสัยทัศน์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานและหลักสูตรของสถานศึกษาให้มีคุณภาพ  จึงได้กำหนดภารกิจการจัดการศึกษาของสถานศึกษา  ดังนี้
๑. ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้คู่คุณธรรม  สืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีไทย รู้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
๒. ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถ มีทักษะและศักยภาพในการศึกษาต่อ      เจตคติที่ดีต่อการประกอบอาชีพ
๓. ส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ  โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และการทำงานเป็นทีม
๔. ส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ปลูกฝังจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็น
พลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  
เป้าหมาย
                โรงเรียนเทศบาลวัดศรีสมบูรณ์  มุ่งพัฒนาการจัดการศึกษาตามวิสัยทัศน์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานและหลักสูตรของสถานศึกษาให้มีคุณภาพ  จึงได้กำหนดเป้าหมายการจัดการศึกษาของสถานศึกษา  ดังนี้
๑.  ผู้เรียนมีคุณธรรม  จริยธรรม  และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง   มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ  ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 
 ๒. ผู้เรียนมีนิสัยใฝ่รู้ใฝ่เรียน  มีความรู้อันเป็นสากลและมีความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหาการใช้เทคโนโลยีและมีทักษะชีวิต  สามารถนำความรู้ไปศึกษาต่อและประกอบอาชีพพื้นฐาน
๓.  ผู้เรียนมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีสุขนิสัย และรักการออกกำลังกาย
๔. ผู้เรียนมีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก   ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
 ๕.  ผู้เรียนมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม   มีจิตสาธารณะที่มุ่งทำประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข 
 ๖.  ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาและเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารได้
คุณลักษณะอันพึงประสงค์

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาลวัดศรีสมบูรณ์  ได้กำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนโดยใช้แนวทางของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์  เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข  ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก   ดังนี้
๑.  รักชาติ  ศาสน์ กษัตริย์
๒.  ซื่อสัตย์สุจริต
๓.  มีวินัย
๔. ใฝ่เรียนรู้
๕. อยู่อย่างพอเพียง
๖.  มุ่งมั่นในการทำงาน
๗.  รักความเป็นไทย
๘.  มีจิตสาธารณะ
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ทำไมต้องเรียนการงานอาชีพและเทคโนโลยี
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีเป็นกลุ่มสาระที่ช่วยพัฒนาให้ผู้เรียน  มีความรู้  ความเข้าใจ   มีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต    และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง   สามารถนำความรู้เกี่ยวกับการดำรงชีวิต   การอาชีพ  และเทคโนโลยี  มาใช้ประโยชน์ในการทำงาน  อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ และแข่งขันในสังคมไทยและสากล   เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ  รักการทำงาน  และมีเจตคติที่ดีต่อการทำงาน  สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างพอเพียงและมีความสุข 
เรียนรู้อะไรในการงานอาชีพและเทคโนโลยี
                  กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี  มุ่งพัฒนาผู้เรียนแบบองค์รวม  เพื่อให้มีความรู้ความสามารถ  มีทักษะในการทำงาน   เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพและการศึกษาต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ   โดยมีสาระสำคัญ  ดังนี้ 
• การดำรงชีวิตและครอบครัว   เป็นสาระเกี่ยวกับการทำงานในชีวิตประจำวัน  การช่วยเหลือตนเอง   ครอบครัว   และสังคมได้ในสภาพเศรษฐกิจที่พอเพียง   ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม   เน้นการปฏิบัติจริงจนเกิดความมั่นใจและภูมิใจในผลสำเร็จของงาน  เพื่อให้ค้นพบความสามารถ  ความถนัด  และความสนใจของตนเอง
• การออกแบบและเทคโนโลยี   เป็นสาระเกี่ยวกับการพัฒนาความสามารถของมนุษย์อย่างสร้างสรรค์   โดยนำความรู้มาใช้กับกระบวนการเทคโนโลยี  สร้างสิ่งของเครื่องใช้  วิธีการ  หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการดำรงชีวิต
• เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  เป็นสาระเกี่ยวกับกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ   การติดต่อสื่อสาร  การค้นหาข้อมูล   การใช้ข้อมูลและสารสนเทศ  การแก้ปัญหาหรือ  การสร้างงาน  คุณค่าและผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
• การอาชีพ    เป็นสาระเกี่ยวกับทักษะที่จำเป็นต่ออาชีพ   เห็นความสำคัญของคุณธรรม  จริยธรรม  และเจตคติที่ดีต่ออาชีพ  ใช้เทคโนโลยีได้เหมาะสม   เห็นคุณค่าของอาชีพสุจริต   และเห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ
คุณภาพผู้เรียนเมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓
          • เข้าใจกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงาน มีทักษะการแสวงหาความรู้ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหาและทักษะการจัดการ มีลักษณะนิสัยการทำงานที่เสียสละ  มีคุณธรรม  ตัดสินใจอย่างมีเหตุผลและถูกต้อง และมีจิตสำนึกในการใช้พลังงาน  ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอย่างประหยัดและคุ้มค่า
          • เข้าใจกระบวนการเทคโนโลยีและระดับของเทคโนโลยี  มีความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการ   สร้างสิ่งของเครื่องใช้หรือวิธีการตามกระบวนการเทคโนโลยี  อย่างถูกต้องและปลอดภัย โดยถ่ายทอดความคิดเป็นภาพฉายเพื่อนำไปสู่การสร้างชิ้นงานหรือแบบจำลองความคิดและการรายงานผล เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ต่อชีวิต  สังคม สิ่งแวดล้อม และมีการจัดการเทคโนโลยีด้วยการลดการใช้ทรัพยากรหรือเลือกใช้เทคโนโลยีที่ไม่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม
          • เข้าใจหลักการเบื้องต้นของการสื่อสารข้อมูล เครือข่ายคอมพิวเตอร์ หลักการและวิธีแก้ปัญหา  หรือการทำโครงงานด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีสารสนเทศ มีทักษะการค้นหาข้อมูล  และการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม การใช้คอมพิวเตอร์ในการแก้ปัญหา สร้างชิ้นงานหรือโครงงานจากจินตนาการ และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน
          • เข้าใจแนวทางการเลือกอาชีพ การมีเจตคติที่ดีและเห็นความสำคัญของการประกอบอาชีพ วิธีการหางานทำ คุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการมีงานทำ วิเคราะห์แนวทางเข้าสู่อาชีพ มีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพ และประสบการณ์ต่ออาชีพที่สนใจ และประเมินทางเลือก ในการประกอบอาชีพที่สอดคล้องกับความรู้  ความถนัด และความสนใจ
สาระที่  ๑ การดำรงชีวิตและครอบครัว
มาตรฐาน  ง๑.๑ เข้าใจการทำงาน  มีความคิดสร้างสรรค์  มีทักษะกระบวนการทำงาน  ทักษะการจัดการ   ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา  ทักษะการทำงานร่วมกัน และทักษะการแสวงหาความรู้   มีคุณธรรม  และลักษณะนิสัยในการทำงาน   มีจิตสำนึกในการใช้พลังงาน  ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม   เพื่อการดำรงชีวิตและครอบครัว 

ตัวชี้วัดชั้นปี
ม. ๑
ม. ๒
ม. ๓
๑. วิเคราะห์ขั้นตอน การทำงานตามกระบวนการทำงาน
๒. ใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงานด้วยความเสียสละ
๓. ตัดสินใจแก้ปัญหาการทำงานอย่างมีเหตุผล

๑. ใช้ทักษะการแสวงหาความรู้ เพื่อพัฒนาการทำงาน
๒. ใช้ทักษะ กระบวนการแก้ปัญหาในการทำงาน
มีจิตสำนึกในการทำงานและใช้ทรัพยากรในการปฏิบัติงานอย่างประหยัดและคุ้มค่า
อภิปรายขั้นตอนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
๒. ใช้ทักษะในการทำงานร่วมกันอย่างมีคุณธรรม
๓. อภิปรายการทำงานโดยใช้ทักษะการจัดการเพื่อการประหยัดพลังงาน ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม


สาระที่    การออกแบบและเทคโนโลยี
มาตรฐาน  ง ๒.๑ เข้าใจเทคโนโลยีและกระบวนการเทคโนโลยี  ออกแบบและสร้างสิ่งของเครื่องใช้ หรือวิธีการ ตามกระบวนการเทคโนโลยีอย่างมีความคิดสร้างสรรค์  เลือกใช้เทคโนโลยีในทางสร้างสรรค์ต่อชีวิต  สังคม   สิ่งแวดล้อม  และมีส่วนร่วมในการจัดการเทคโนโลยีที่ยั่งยืน   

ตัวชี้วัดชั้นปี
ม. ๑
ม. ๒
ม. ๓
-
อธิบายกระบวนการเทคโนโลยี
๒. สร้างสิ่งของเครื่องใช้หรือวิธีการตามกระบวนการเทคโนโลยี  อย่างปลอดภัย ออกแบบโดยถ่ายทอดความคิด   เป็นภาพร่าง ๓ มิติหรือภาพฉาย เพื่อนำไปสู่ การสร้างต้นแบบของสิ่งของเครื่องใช้หรือถ่ายทอดความคิดของวิธีการเป็นแบบจำลองความคิดและการรายงานผลเพื่อนำเสนอวิธีการ  
มีความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการในงานที่ผลิตเอง
๔. เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ต่อชีวิต  สังคม  สิ่งแวดล้อม และมีการจัดการเทคโนโลยีด้วยการลดการใช้ทรัพยากร  หรือเลือกใช้เทคโนโลยี ที่ไม่มีผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อม
๑. อธิบายระดับของเทคโนโลยี
๒. สร้างสิ่งของเครื่องใช้หรือวิธีการ ตาม กระบวนการเทคโนโลยี อย่าง ปลอดภัย  ออกแบบโดยถ่ายทอดความคิดเป็นภาพฉาย เพื่อนำไปสู่การสร้างต้นแบบและแบบจำลองของสิ่งของเครื่องใช้หรือถ่ายทอดความคิดของวิธีการเป็นแบบจำลองความคิดและการรายงานผล


สาระที่  ๓ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร    
มาตรฐาน  ง ๓.๑ เข้าใจ เห็นคุณค่า และใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้นข้อมูล การเรียนรู้  การสื่อสาร  การแก้ปัญหา  การทำงานและอาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และมีคุณธรรม 

ตัวชี้วัดชั้นปี
ม. ๑
ม. ๒
ม. ๓
อธิบายหลักการทำงาน บทบาทและประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
อภิปราย ลักษณะสำคัญ และผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ 
 ประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ
อธิบายหลักการเบื้องต้นของ
การสื่อสารข้อมูล  และเครือข่ายคอมพิวเตอร์
อธิบายหลักการ  และวิธีการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
ค้นหาข้อมูล   และติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม
ใช้ซอฟต์แวร์ในการทำงาน 
อธิบายหลักการทำโครงงานที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
เขียนโปรแกรมภาษาขั้นพื้นฐาน
ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองานในรูปแบบที่เหมาะสมกับลักษณะงาน
ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสร้างชิ้นงานจากจินตนาการหรืองานที่ทำในชีวิตประจำวัน ตามหลักการทำโครงงานอย่างมีจิตสำนึกและ ความรับผิดชอบ


สาระที่    การอาชีพ
มาตรฐาน  ง ๔.๑ เข้าใจ มีทักษะที่จำเป็น  มีประสบการณ์  เห็นแนวทางในงานอาชีพ  ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาอาชีพ   มีคุณธรรม  และมีเจตคติที่ดีต่ออาชีพ

ตัวชี้วัดชั้นปี
ม. ๑
ม. ๒
ม. ๓
๑. อธิบายแนวทางการเลือกอาชีพ
๒. มีเจตคติที่ดีต่อการประกอบอาชีพ
เห็นความสำคัญของการสร้างอาชีพ
๑. อธิบายการเสริมสร้างประสบการณ์อาชีพ
๒. ระบุการเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพ
๓. มีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพที่สนใจ
๑. อภิปรายการหางานด้วยวิธีที่หลากหลาย
วิเคราะห์แนวทางเข้าสู่อาชีพ
.  ประเมินทางเลือกในการประกอบอาชีพที่สอดคล้องกับความรู้ความถนัดและความสนใจของตนเอง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น